ไม่น่าจะมีใครชอบความขัดแย้งนะ เอ๊ะหรือว่ามี
จริงในการทำงานบางอย่างหรืองานของบางคน โดยธรรมชาติต้องมีความขัดแย้งอยู่แล้ว ลองนึกภาพงานที่อยู่รอบตัวเรา หรือเอาง่ายนึกถึงงานของตัวเราเองดูก็ได้ว่า งานของเรามีโอกาสจะขัดแย้งกับงานของใครบ้าง แล้วถ้าไม่ความขัดแย้งเลย ทีมหรือบริษัทจะเติบโตไปได้อย่างยั่งยืนจริง ๆ ใช่มั้ย
การเห็นด้วยไปซะทุกอย่าง ไม่มีการคัดค้านหรือไม่มีความขัดแย่งอะไรเลยในทีมหรือในบริษัท อาจจะเป็นเรื่องที่แย่ที่สุดก็ได้
ความขัดแย้งบางอย่างถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรักษาสมดุลของงาน ไม่ให้เราเสี่ยงหรือห้าวเกินไป เพราะถ้าบางอย่างผิดพลาดขึ้นมาแค่ 0.1 % ก็อาจจะหมายถึงความเสียหายที่ไม่คุ้มค่าเอาซะเลย ถึงความขัดแย้งนี้จะทำให้เราทำงานยากหน่อย ถ้าเราทำความเข้าใจจริง ๆ เราก็รู้แหละว่ามันไม่มีไม่ได้
อาจจะแบบบ่น ๆ บ้าง แต่ก็เข้าใจแหละ
แต่จะมีคนบางคนเหมือนกันที่พร้อมเหลือเกินที่จะสร้างความขัดแย้งที่ไม่จำเป็นขึ้นมา เอะอะค้าน ค้าน ค้าน ลืมคิดไปว่าคนอื่นเค้าดูออกนะ ว่าไม่ได้ค้านเพื่อส่วนร่วม แต่ค้านเพราะปัญหาส่วนตัวหรือไม่ก็กลัวว่าตัวเราเองนี่แหละที่จะเสียประโยชน์
มองซ้ายมองขวา เจอคนแบบนั้นมั้ย เอ๊ะ หรือต้องส่งกระจก ผ่าม พาม !
ความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น หลายครั้งเลยที่เกิดขึ้นจากอารมณ์ความรู้สึกหรือปัญหาส่วนตัวของใครบางคน หัวหน้าเราไม่ถูกกับหัวหน้าของอีกฝ่ายนึง เวลาจะปล่อยงานให้หน่วยงานนั้นก็ทำให้ยากเข้าไว้ หรือคนไหนที่เคยมีปัญหากับเรา ก็สร้างเงื่อนไขให้งานเค้าดูยุ่งยากกว่าเดิม หรือเข้ามาประชุมโดยตั้งเป้ามาจากบ้านแล้วว่า วันนี้จะมาค้านเท่านั้น ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
แม้แต่ออกกฎวางระเบียบบางอย่างให้เราสบาย แต่คนอื่นลำบากก็อาจจะเป็นหนึ่งในการสร้างความขัดแย้งที่ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย
ความขัดแย้งแบบไหนก็ตาม ที่ทำให้เสียเวลา เสียพลังโดยไม่ได้ประโยชน์ มีแนวโน้มจะเป็นความขัดแย้งที่ไม่จำเป็นทั้งนั้น ลองถอยความเป็นตัวเองลงมา มองเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นกว่าเป้าหมายของตัวเราเองมากขึ้น เราอาจจะเห็นตัวเราเองชัดเจนว่า เราคือคนนึงที่สร้างความขัดแย้งที่ไม่จำเป็นขึ้นมาใช่มั้ย
แล้วถ้าเราต้องทำงานกับคนที่เอะอะจะสร้างแต่ความขัดแย้งที่ไม่จำเป็นนี้ขึ้นมาบ่อย ๆ ทำยังไง
อย่างแรก ผมทำใจก่อน ทำใจหนัก ๆ เลย เพราะเราต้องหงุดหงิดจนพาลถอดใจหลายครั้งแน่ ๆ แต่ถ้ายังไงซะเราต้องทำงานให้สำเร็จ จะเดินหนีคนที่มีปัญหาแบบนั้นก็คงไม่ใช่ทางเลือก สิ่งที่ต้องทำก็คือการเผชิญหน้า แต่เป็นการเผชิญหน้าแบบมีแผนนะ ไม่ใช่การเดินดุ่ม ๆ เข้าไปแล้วกลายเป็นเติมไฟเพิ่มเข้าไปอีก เดี๋ยวเรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไป
แล้วถ้าเราพอจะรู้ว่าอะไรที่ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมา เราก็อาจจะพอมองออกว่าต้องแก้ไขปัญหานี้ยังไง และหลายครั้งเหมือนกันที่เราก็จะรู้ว่าต้นตอของปัญหามันใหญ่กว่าที่เราจะรับมือเอง เราก็ต้องให้คนที่ใหญ่กว่าเราเป็นคนออกโรง
ปัญหาไหนที่เกินมือเรา เราก็ต้องขอความช่วยเหลือนะ
ทีนี้ครับ มันจะมีความขัดแย้งบางอย่างที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว และส่วนใหญ่เกิดจากการสื่อสารผ่านเทคโนโลยีนี่แหละ เขียนอีเมล แชทผ่านไลน์ ตัวหนังสือที่มันไม่มีเสียง แล้วเราใช้เสียงเราเองใส่ไปนี่แหละที่ทำให้เกิดความขัดแย้งที่ไม่เกิดประโยชน์ขึ้นมา
ถ้าเราบังเอิญเจออีเมลหรือเหรอแชทที่ทำให้เรารู้สึก เอ๊ะ ทำไมพูดแบบนี้วะ ทางเลือกที่ดีอย่างนึงคือ โทรไปคุยให้รู้เรื่องไปเลย จะได้เข้าใจชัด ๆ ว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า
โทรไปคุยนะ ไม่ได้โทรไปลุย
สมมติว่าเราได้รับอีเมลฉบับนึงที่เขียนมาแค่สั้น ๆ ว่า "อีกกี่วันถึงจะตอบอีเมล" เราจะเลือกใช้เสียงไหนในการอ่าน
ส่วนถ้าเราคือคนที่ต้องสื่อสาร ต้องเขียนอีเมล ต้องคุยงานกันทางไลน์โดยเฉพาะในเรื่องที่มีแนวโน้มจะทำให้เกิดความขัดแย้งได้ ก็ต้องให้เวลากับมันหน่อย อ่านทวนซักรอบแล้วคิดให้ดีว่าเราเลือกใช้ภาษาได้เหมาะสมมั้ย
ถ้าเราเองก็ไม่ชอบความขัดแย้ง เราก็ต้องไม่พยายามสร้างความขัดแย้งในการทำงานด้วยเช่นกัน
#HRTheNextGen
#มนุษย์เงินเดือน #HR2021